คำว่า 9H ที่เคลือบแก้ว เคลือบคริสตัล เคลือบเซรามิค มักจะใช้โฆษณาต่อท้ายผลิตภัณฑ์ เพื่อดึงดูดและบอกคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ของตน อธิบายได้ตามนี้
9 = Scale หรือ ระดับ มีตั้งแต่ 1-10
H = Hardness หรือ ความแข็ง
อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือ เราสามารถแบ่งความเข็งได้ 2 ลักษณะ คือ
1. Mineral Hardness of mohs scale
( ค่าความแข็งแร่ธรรมชาติตามสเกลของ โมส์ )
2. Hardness of Pencil scale
( ค่าการทดสอบความแข็งตามสเกลของดินสอ )
ประเภทของความแข็ง (Hardness Scale) มีดังนี้
1. Mineral Hardness of mohs Scale
เป็นค่าความแข็ง mineral ( แร่ต่างๆ ในโลก ) โดยมีตั้งแต่อ่อนมากๆ เช่น talc ( แร่หินสบู่ ที่ใช้ทำแป้งทาหน้า ) ,gold ( ทอง ) ไปจนถึงแร่ที่มีความแข็งมากๆ อย่างเช่น Silicon carbide , Diamond ( เพชร ) เป็นต้น สังเกตุให้ดีว่ามันคือค่าความแข็งของแร่ธรรมชาติต่างๆ ไม่ใช่ผลการทดสอบแต่อย่างใด แต่หากถามว่ามีชุดทดสอบความแข็งของแร่ต่างๆ พวกนี้ไหม คำตอบคือ มีครับ ซึ่งมักถูกเรียกว่า Mineral hardness test kit แต่ไม่แนะนำให้เอามาทดสอบกับสีรถนะครับ เพราะจะทำอันตรายต่อสีรถยนต์ตั้งแต่แร่ของ talc(แร่หินสบู่ =1h) gypsum (ยิปซัม =2h) gold (ทอง =3h)
2. Hardness of Pencil Scale
เป็นค่าความแข็งของดินสอ ให้นึกถึงตอนเด็กๆที่เราเขียนหนังสือ คุณครูมักให้เราใช้ดินสอ HB พอโตขึ้นมาต้องฝนข้อกระดาษคำตอบที่ตรวจในคอมพิวเตอร์ ด้วยดินสอ 2b อธิบายเพิ่มเติมให้เข้าใจง่ายขึ้น h = hardness B = Blackness โดยดินสอทั่วไปจะมีตั้งแต่ 9h – 9b แต่ก็มีบางยี่ห้อผลิตดินสอ 10b กับ 10h โดยแกนดินสอที่เป็นกราไฟท์ ยิ่งแกนเล็กเท่าไหร่ก็ยิ่งคมและแข็งมากขึ้นเท่านั้น ซึ่ง hardness of Pencil scale คือ การนำชุดดินสอตั้งแต่ 9b-9h มาทดสอบด้วยเครื่องมือที่มีค่าแรงกดสม่ำเสมอกันกับพื้นผิวที่ต้องการทดสอบ เช่น การทดสอบบนสีรถยนต์ว่าสามารถทนต่อรอยขีดข่วนของดินสอขนาด 2b – 9H ได้หรือไม่…เป็นที่มาของความแข็งขนาด 9H
แล้วความแข็งเกี่ยวอะไรกับการโฆษณา เคลือบแก้วและเคลือบเซรามิค ในยี่ห้อต่างๆล่ะ ???
Glass/Ceramic Coating ที่มีในท้องตลาดที่ โฆษณา 9h หรือบางครั้งมี 10h ด้วย โดยบางสำนักอ้างว่าแข็งเท่าเพชรบ้าง จนทำให้สรรพคุณของการทำ coating ค่อนข้างเกินจริง เช่น กันได้เหมือนรถหุ้มเกราะกันกระสุน ทั้งที่ผู้ขายบางรายยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่า Mineral hardness of mohs scale คือ Scale ความแข็งของแร่ ส่วน Pencil scale คือ Scale ของผลการทดสอบ
โดยถ้าจะอธิบายกันแบบถูกต้อง คือ เคลือบแก้วและเคลือบเซรามิคที่มีในท้องตลาดส่วนใหญ่ ล้วนผลิตจากสารประกอบหลักอย่าง Silica ( SiO2 ) ซึ่งมี Mineral Hardness of mohs scale อยู่ที่ 7h จะมีแค่เพียงบางรายที่ใช้ Silicon Carbide ที่มี Mineral Hardness of mohs scale อยู่ที่ 9h เป็นสารประกอบหลัก เช่น ผลิตภัณฑ์ของ Opti-Coat เป็นต้น ซึ่งค่าความแข็งของสารตั้งต้นของผลิตภัณฑ์ = Mineral Hardness of Mohs scale
ในส่วนของ Hardness of Pencil scale น้ำยาเคลือบแก้วยุคหลัง น้ำยาแบรนด์เนมท์ที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่พัฒนากันเรื่อยมาจนเรียกว่า ส่วนใหญ่ก็ผ่านการทดสอบ ของ Pencil scale กันได้เกือบหมด อยู่ที่ลูกค้าว่าจะเลือกเชื่อในแบรนด์ไหน อย่างไร
***บทสรุป***
Mineral Hardness of Mohs Scale คือ ระดับความแข็งของแร่ธาตุหรือสารประกอบในผลิตภัณฑ์
ส่วน
Hardness of Pencil scale คือ ผลการทดสอบความแข็งด้วยดินสอ
ทั้งนี้หากเราเป็นผู้บริโภคจะหาศูนย์บริการทำ Coating ให้กับรถเรา บางครั้งก็อยากให้ดูคำโฆษณาสักนิดหากอันไหนดูเกินจริง เช่น มีความแข็ง 10h แข็งกว่าเพชร หรือเคลือบแล้วกัน รอยได้ 100% แนะนำว่าท่านควรถอยกลับมาศึกษาข้อมูลก่อน ดูเว็บไทยและเว็บต่างประเทศประกอบกันเพื่อความมั่นใจในผลิตภัณฑ์นั้นๆ
Leave A Comment